สกุลหวาย (Dendrobium) |
|
|
|
|
|
กล้วยไม้สกุลหวายเป็นกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักและนิยมปลูกเลี้ยงกันเป็นจำนวนมาก และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจเนื่องจากมีการปลูกเพื่อใช้เป็นไม้ตัดดอก กล้วยไม้ในสกุลนี้พบแล้วทั่วโลกกว่า 1,200 ชนิด พบมากในเขตร้อนชื้นแถบเอเชียตั้งแต่ประเทศอินเดีย ศรีลังกา จีน ไต้หวัน เรื่อยมาถึงประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย รวมไปถึงเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก
ในประเทศไทยกล้วยไม้สกุลหวายเป็นกล้วยไม้ที่พบเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดคือ พบในธรรมชาติมากกว่า 150 ชนิด มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไปทั้งดอก ใบ ลำลูกกล้วย นักพฤกษศาสตร์จำแนกกล้วยไม้สกุลหวายโดยอาศัยดอกเป็นหลัก กล้วยไม้ในสกุลหวายจะมีกลีบดอกชั้นนอกที่มีขนาดยาวไล่เลี่ยกัน กลีบนอกคู่ล่างจะเชื่อมติดกับฐานเส้าเกสรและที่รอยต่อนี้จะปูดออกมาเรียกว่าเดือย (mentum) เรณูมี 4 ก้อน ติดที่ปลายของเส้าเกสร กล้วยไม้สกุลหวายเป็นกล้วยไม้สกุลใหญ่ กระจายพันธุ์ออกไปทั่วทวีปเอเชีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ในปัจจุบันพบแล้วกว่า 1,000 ชนิด นักพฤกษศาสตร์ได้จำแนกได้ประมาณ 20 หมู่ (Section) ซึ่งมีบางหมู่ที่น่าสนใจตัวอย่างเช่น |
|
|
1. หมู่แคลิสตา (Callista) ลักษณะลำลูกกล้วยมักมีโคนลำเล็ก ตรงกลางหรือค่อนไปทางปลายโป่ง มีใบติดอยู่ที่ปลายลำเท่านั้น ไม่มีกาบใบ ออกดอกเป็นช่อและโค้งห้อย มีดอกหลายดอก เดือยดอกสั้น ดอกเป็นสีเหลืองสดหรือมีบางส่วนเป็นสีเหลืองสด ตัวอย่างเช่น
- เอื้องผึ้ง (Dendrobium lindleyi, ชื่อพ้อง Dendrobium aggregatum)
- เอื้องมัจฉาณุ (Dendrobium farmeri)
- เอื้องม่อนไข่เหลือง, เอื้องม่อนไข่เหลี่ยม (Dendrobium densiflorum)
- เอื้องคำ (Dendrobium chrysotoxum)
- เอื้องคำตาควาย (Dendrobium griffithianum)
- เื้อื้องม่อนไข่ (Dendrobium thyrsiforum) |
|
|
|
|
|

เอื้องผึ้ง Dendrobium lindleyi
(Photo from member by addy )
|

เอื้องผึ้ง Dendrobium lindleyi |

เอื้องม่อนไข่ Dendrobium thyrsiforum |

เอื้องคำ Dendrobium chrysotoxum |
|
|
|
2 . หมู่ยูยีแนนเธ (Eugenanthe) ลำลูกกล้วยมีทั้งที่ตั้งตรงและห้อยย้อย ใบมีกาบใบ ออกดอกตามข้อของลำลูกกล้วยแก่ๆ ส่วนมากจะออกดอกกับลำลูกกล้วยที่ทิ้งใบหมดแล้ว ดอกมักเป็นช่อสั้นๆ ช่อละไม่กี่ดอก และลำลูกกล้วยหนึ่งๆ มักมีช่อดอกออกพร้อมๆ กันหลายช่อ บางชนิดต้องการอากาศเย็นและแห้ง เพื่อกระตุ้นการออกดอก ตัวอย่างเช่น
- เหลืองจันทบูร (Dendrobium friedericksianum)
- เอื้องช้างน้าว (Dendrobium pulchellum)
- เอื้องจำปา (Dendrobium moschatum)
- แววมยุรา (Dendrobium fimbriatum)
- เอื้องสายมรกต (Dendrobium chrysanthum)
- เอื้องสายน้ำครั่ง (Dendrobium parishii)
- พวงหยก (Dendrobium findlayanum)
- เอื้องสายน้ำผึ้ง (Dendrobium primulinum)
- ไม้เท้าฤาษี (Dendrobium crassinode)
- เอื้องเก๊ากิ่ว (Dendrobium nobile)
- เอื้องเก๊ากิ่วแม่สะเรียง (Dendrobium tortile)
- เอื้องมณีไตรรงค์ (Dendrobium wardianum) |
|
|
|
|
|
3 . หมู่นิโกรเฮอซูเต (Nigrohirsutae) ลำลูกกล้วยยาวและตั้ง มีใบติดอยู่ตลอด กาบใบมีขนสีน้ำตาลหรือสีดำ ช่อดอกมีก้านสั้นและมีดอกน้อย ดอกออกใกล้ปลายลำที่ยังมีใบติดอยู่ ดอกใหญ่สีขาว บางชนิดมีอมสีเขียวหรือสีเหลือง บางชนิดมีแต้มหรือเหลือบสีเหลืองหรือสีแดงหรือส้ม เดือยมักเรียวแหลมและยาว บางชนิดเดือยสั้นและมน ตัวอย่าง ได้แก่
- เอื้องปากนกแก้ว (Dendrobium cruentum)
- เอื้องแซะ (Dendrobium scabrilingue)
- เอื้องตาเหิน (Dendrobium infundibulum)
- เอื้องเงิน (Dendrobium draconis)
- เอื้องเงินหลวง (Dendrobium formosum)
- เอื้องแซะดอยปุย (Dendrobium margaritaceum) |
|
|

เอื้องปากนกแก้ว Dendrobium cruentum |

เอื้องตาเหิน Dendrobium infundibulum |

เอื้องแซะ Dendrobium scabrilingue |
|
|
|
4. หมู่ฟาเลแนนเธ (Phalaenanthe) กล้วยไม้ในหมู่นี้ไม่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และในทางพืชสวน ได้แก่ หวายฟอร์มกลมทั้งหลายที่ได้นำมาผสมพันธุ์เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ๆ ที่ปลูกเลี้ยงกันอยู่ทั่วไป รวมทั้งหวายที่ปลูกตัดดอกขายกันอยู่ทุกวันนี้ หวายในหมู่นี้เป็นกล้วยไม้พื้นเมืองของหมู่เกาะนิวกีนีและออสเตรเลีย มีลำลูกกล้วยยาวและตั้ง โคนลำเล็ก มีใบติดอยู่ส่วนปลายลำมากกกว่าโคนลำ มีกาบใบ โคนลำอาจมีแต่กาบใบโดยไม่มีแผ่นใบ ดอกออกที่ยอดหรือใกล้ๆ ยอด ดอกออกกับลำที่มีใบติดอยู่และที่ใบร่วงหลุดหมดแล้ว ช่อดอกส่วนมากจะยาว มีหลายดอก ดอกมีสีม่วงหรือขาว กลีบชั้นในมักมีขนาดใหญ่กล่ากลีบชั้นนอก เดือยดอกมี 2 ตุ่ม เช่น
- หวายแอฟฟิเน (Dendrobium affine)
- หวายฟาแลนอปซิส (Dendrobium phalaenopsis)
- หวายคิง (Dendrobium superbiens)
- หวายไบกิบบัม (Dendrobium bigibbum) |
|
|

Dendrobium phalaenopsis
(Photo ref. from Internet) |

Dendrobium phalaenopsis
(Photo ref. from Internet) |
|

Dendrobium bigibbum
(Photo ref. from Internet) |
|
|
|
5 . หมู่เซอราโทเบียน (Ceratobium) มีแหล่งกำเนิดอยู่ทางหมู่เกาะนิวกีนี ชวา ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก กล้วยไม้ในหมู่นี้มีลำลูกกล้วยที่อ้วนใกล้ๆ โคนลำ แล้วเรียวเล็กไปทางปลาย ส่วนโคนลำจะมีแต่กาบใบหุ้มลำอยู่เท่านั้น ไม่มีแผ่นใบ ช่อดอกออกใกล้ๆ ปลายลำลูกกล้วย และออกดอกได้ทั้งลำที่มีใบติดอยู่และที่ใบร่วงหมดแล้ว ออกดอกเป็นช่อและมักมีดอกดกแน่นช่อ กลีบดอกแคบทั้งกลีบชั้นนอกและชั้นใน บางชนิดกลีบชั้นนอกจะกว้างกว่ากลีบชั้นใน โดยเฉพาะส่วนโคนกลีบ ส่วนปลายของกลีบชั้นใน จะกว้างกว่าส่วนกลางและโคนกลีบ และจะบิดไม่มากก็น้อย ขอบกลีบอาจหยักเป็นลูกคลื่น เดือยดอกมีเพียง 1 เดือย ตัวอย่างกล้วยไม้ในหมู่นี้ ได้แก่
- หวายสตราติโอติส (Dendrobium stratiotes)
- หวายทัวรินัม (Dendrobium taurinum)
- หวายโกลดิไอ (Dendrobium gouldii)
- หวายอันดูลาตัม (Dendrobium undulatum)
- หวายชุลเลอไร (Dendrobium schulleri) |
|
|
|

Dendrobium gouldii
(Photo ref. from Internet)
|
|
|
|
ในประเทศไทยกล้วยไม้สกุลหวายมีการปลูกเลี้ยงมานาน และมีบทบาทมากในเรื่องของการส่งออกไม้ตัดดอก การผสมพันธุ์หวายเพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่ดีที่สุดได้มีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งผสมกันในหมู่เดียวกันหรือผสมข้ามหมู่ หวายลูกผสมที่มีการพัฒนาเพื่อใช้เป็นไม้ตัดดอก ยกตัวอย่างเช่น
|
|
|
1. หวายบางกอก (Dendrobium Bangkok) เป็นลูกผสมระหว่างหวายฟาเลนอปซิส กับหวายทัวรินัม (Den. phalaenopsis x Den. taurinum)
2. หวายบางกอกสตาร์ (Dendrobium Bangkok Star) เป็นลูกผสมระหว่างหวายปอมปาดัวร์ กับหวายแอนนีเม็ค (Den. Pompadour x Den. Annemieke)
3. หวายบุษบา (Dendrobium Busaba) เป็นลูกผสมระหว่างหวายบางกอกสตาร์ กับหวายมาลี กันยา (Den. Bangkok Star x Den. Malee-Kanya)
4. หวายเลดีแฮมิลตัน (Dendrobium Lady Hamilton) เป็นลูกผสมระหว่างหวายไดมอนด์ เฮด บิวตี กับหวายฟาเลนอปซิส (Den. Diamond Head Beauty x Den. phalaenopsis)
5. หวายซีซา (Dendrobium Caesar) เป็นลูกผสมระหว่างหวายฟาเลนอปซิส กับหวายสตราติโอติส (Den phalaenopsis x Den. stratiotes)
6. หวายเมนีล (Dendrobium May Neal) เป็นลูกผสมระหว่างหวายฮาวายอิ กับหวายชุลเลอไร (Den. Hawaii x Den. schulleri) |
|
|

Dendrobium Udom Gold
(Photo ref. from Internet) |

Dendrobium Dawn Maree |
|

Dendrobium Sonia |

Dendrobium Burana Pearl
(Photo ref. from Internet) |
|