Home
ปัจจัยที่ทำให้กล้วยไม้เจริญเติบโต
กล้วยไม้สกุลกุหลาบ (Aerides)
กล้วยไม้สุกลแมงปอ (Arachnis)
กล้วยไม้สกุลเข็ม (Ascocentrum)
กล้วยไม้สกุลสิงโต (Bulbophyllum)
กล้วยไม้สกุลแคทลียา (Catteya)
กล้วยไม้สกุลหวาย (Dendrobium)
กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum)
กล้วยไม้สกุลช้าง (Rhynchostylis)
กล้วยไม้สกุลแวนด้า (Vanda)
กล้วยไม้สุกลฟาแลนนอปซิส (Phalaenopsis)
วิธีการให้ปุ๋ย
การเลือกภาชนะในกการปลูกกล้วยไม้
Contact
วิธีการให้ปุ๋ย
 ในธรรมชาติกล้วยไม้จะเกาะอาศัยตามต้นไม้ ปุ๋ยของกล้วยไม้จะมาจากเปลือกไม้ ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาทับถมและเกิดการย่อยสลาย ผุพังจนเกิดเป็นอินทรีย์สาร ซึ่งประกอบด้วยธาตุอาหารที่กล้วยไม้สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ และเจริญงอกงามต่อไป สำหรับการปลูกกล้วยไม้เพื่อการค้าหรือการปลูกเลี้ยงในบ้านเพื่อความสวยงามถ้าจะรอให้เกิดปุ๋ยขึ้นเองตามธรรมชาติคงไม่เพียงพอ จึงต้องหาปุ๋ยอนินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีเข้ามาใช้เพื่อเร่งให้กล้วยไม้มีการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้นซึ่งก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด แต่การใช้ปุ๋ยเคมีนั้น ผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้จำเป็นต้องมีความรู้ในการใช้ปุ๋ยอย่างถูกวิธีด้วยจึงจะทำให้การใช้ปุ๋ยเคมีเกิดประโยชน์จริงๆ

ดังนั้นหลักเกณฑ์ทั่วไปในการใช้ปุ๋ยกล้วยไม้ สามารถพิจารณาได้ดังนี้
 
      1. สูตร ควรเลือกใช้ปุ๋ยสูตรสูง* เช่น 18-18-18, 30-20-10, 18-33-18 เพื่อป้องกันไม่ให้กล้วยไม้ได้รับปริมาณเกลือแร่ที่ไม่จำเป็นในปุ๋ยมากเกินไปซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อกล้วยไม้เอง ส่วนจะใช้สูตรอะไรก็คงขึ้นอยู่กับกล้วยไม้ เช่น ถ้ากล้วยไม้ยังเป็นต้นเล็กๆ ควรใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงเพื่อสร้างการเจริญเติบโตให้แก่ต้นและใบ ส่วนกล้วยไม้ที่ปลูกในที่ค่อนข้างร่มควรใช้สูตรที่มีไนโตรเจนน้อย เพราะใบอาจอวบกรอบ ไม่แข็งแรง ส่วนกล้วยไม้ที่จะออกดอกอาจใช้สูตรที่มีฟอสฟอรัสสูงได้เพื่อเร่งการสร้างดอก
 

      2. การละลายน้ำของปุ๋ย ควรเลือกใช้ปุ๋ยที่ละลายน้ำได้ดี เพราะกล้วยไม้จะนำธาตุอาหารไปใช้ได้ทันทีเมื่อธาตุอาหารละลายน้ำได้เท่านั้น การละลายปุ๋ยเพื่อนำไปใช้งานควรละลายตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้อย่าใส่มากเกินไป เพราะนอกจากปุ๋ยจะละลายไม่หมดแล้ว ยังทำให้ปุ๋ยเข้มข้นเกินไป จะทำให้กล้วยไม้ทรุดโทรม เพราะแร่ธาตุต่างๆจะไปสะสมอยู่ตามใบ หรือราก ทำให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นการสิ้นเปลืองปุ๋ยที่ใช้อีกด้วย
 

      3. ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการให้ปุ๋ย ควรเป็นช่วงเช้าจนถึง 10.00 น. หรือ 11.00 น. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแสงแดดว่าแรงมากน้อยแค่ไหน ต่อจากนั้นอากาศจะเริ่มร้อนในช่วงเที่ยงถึงช่วงบ่ายประมาณ 16.00 น. กล้วยไม้จะสังเคราะห์แสงได้ดีก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมคือ มีแสงสว่าง มีอุณภูมิที่พอเหมาะ และมีน้ำที่จะหล่อเลี้ยงและลำเลียงธาตุอาหารเข้าไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นการให้ปุ๋ยในตอนเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสม จะเป็นประโยชน์มากกว่าช่วงเวลาอื่น
 

      4. ระยะการให้ปุ๋ย การให้ปุ๋ยอาจเว้นระยะห่างแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเข้มของปุ๋ย เช่นถ้าให้ปุ๋ยเข้มมากก็ต้องเว้นช่วงนาน 7 - 10 วัน ถ้าปุ๋ยที่ให้เจือจางมากก็เว้นช่วงไป 3 - 4 วัน หรืออาจต้องดูในเรื่องของเครื่องปลูกถ้าใช้เครื่องปลูกที่ดูดซับปุ๋ยได้นานก็อาจต้องเว้นช่วงนานด้วยเช่นกัน ผู้ปลูกกล้วยไม้ จึงต้องพิจารณาดูว่าวิธีการใดที่ทำให้กล้วยไม้เจริญงอกงามแล้ว วิธีนั้นก็จะเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับกล้วยไม้นั้นๆ ตามสภาพแวดล้อมของแต่ละแห่ง การให้ปุ๋ยถี่เกินไปนอกจากจะทำให้กล้วยไม้ได้รับอันตรายแล้ว ยังต้องเสียเงินซื้อปุ๋ยมากเกินความจำเป็นอีกด้วย
 

Today, there have been 9 visitors (10 hits) on this page!
Web by : Rungruthai This website was created for free with Own-Free-Website.com. Would you also like to have your own website?
Sign up for free