สกุลแคทลียา (Cattleya) |
|
|
แคทลียาที่พบในธรรมชาติมี 53 ชนิด เป็นกล้วยไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกา แม็กซิโกลงไปจนถึงประเทศในแถบอเมริกากลาง และทวีปอเมริกาใต้ แคทลียาปลูกเลี้ยงง่าย สามารถเจริญงอกงามได้ในสภาพแวดล้อมได้เกือบทุกแห่งในเขตอบอุ่นและเขตร้อนชื้น ซึ่งทำให้กล้วยไม้ในสกุลแคทลียาสามารถกระจายพันธุ์ไปได้ทั่วโลก ในปัจจุบันนอกจากแคทลียาสายพันธุ์แท้แล้ว มนุษย์ยังสามารถผสมพันธุ์แคทลียาออกมาเป็นแคทลียาลูกผสมอีกมากมายที่สามารถเลี้ยงง่าย โตเร็ว และมีดอกที่สวยงามแปลกตามากขึ้น ทำให้กล้วยไม้สกุลนี้เป็นกล้วยไม้ที่สามารถสร้างผลผลิตเพื่อเป็นการค้า สร้างรายได้อย่างมหาศาล
แคทลียาเป็นกล้วยไม้ที่มีดอกค่อนข้างใหญ่และมีลักษณะที่โดดเด่นกว่ากล้วยไม้ชนิดอื่นๆ ด้วยเหตุนี้กล้วยไม้ในสกุลแคทลียาจึงถือว่าเป็นตัวแทนของดอกไม้ในกลุ่มของกล้วยไม้ทั้งหมด นอกจากสกุลแคทลียาแล้ว Cattleya ยังมีกล้วยไม้สกุลอื่นที่จัดอยู่ในกลุ่มของแคทลียา (Cattleya relatives *) หรือสกุลใกล้เคียงซึ่งจัดอยู่ประเภทกล้วยไม้สกุลแท้ ได้แก่
|
|
|
- Barkeria (Bark.)
- Brassavola (B.)
- Broughtonia (Bro.)
- Encyclia (Encycl.)
- Epidendrum (Epi.)
- Euchile
- Laelia (L.)
- Leptotes (Lpt.)
- Rhyncholaelia (Rhynch.)
- Schomburgkia (Schom.)
- Sophronotis (Soph.)
(*ข้อมูลอ้างอิงจาก www.cattleyaorchidsource.com)

Encyclia alata
(Photo ref. from Internet) |

Encyclia phoenicea
(Photo ref. from Internet) |
|
|
|
ลักษณะโดยทั่วไปของแคทลียาคือ ลำลูกกล้วยมีรูปร่างต่างกันไป บางชนิดอาจสั้นแต่อ้วน มีใบติดอยู่ 1-2 ใบที่ส่วนปลายของลำลูกกล้วยเท่านั้น โคนลำจะมีกาบบางๆ หุ้มอยู่ เห็นได้ชัดในลำใหม่ที่กำลังเจริญ ใบส่วนมากแบน แต่มีบางชนิดใบกลมรูปทรงกระบอก ใบอาจมีหรือไม่มีกาบ ดอกออกที่ยอด มีทั้งที่เป็นดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกชั้นในจะกว้างกว่ากลีบดอกชั้นนอก ปากมีขนาดใหญ่กว่ากลีบดอกอื่นๆ ทั้งหมด เส้าเกสรมักยาวและไม่มีฐาน เกสรตัวผู้จะมีเรณู 4 หรือ 8 ก้อน เรณูเป็นก้อนแข็งกลมแบนและมีก้าน กล้วยไม้ในกลุ่มนี้มี 8 สกุล จำแนกได้ดังนี้
1. มีเรณู 4 ก้อน
1.1 ปากเชื่อมติดกับเส้าเกสร
1.1.1 เฉพาะส่วนโคนปากเท่านั้นที่เชื่อมติดกับเส้าเกสร ระหว่างรังไข่กับกลีบชั้นนอกเป็นโพรงอย่างชัดเจน ได้แก่ สกุลบรอจโทเนีย (Broughtonia)
1.1.2 ปากเชื่อมติดกับเส้าเกสรมากกว่า ปลายรังไข่ไม่เป็นโพรงอย่างชัดเจน ได้แก่ สกุลอีปิเด็นดรัม (Epidendrum)
1.2 ปากไม่เชื่อมติดกับเส้าเกสร
1.2.1 ปากแผ่แบนและมีกระเปาะ 2 ข้างใกล้โคนปากด้านบน ได้แก่ สกุลไดอาคริอัม (Diacrium)
1.2.2 ปากส่วนมากจะโอบรอบเส้าเกสร ไม่มีกระเปาะ ได้แก่ สกุลแคทลียา (Cattleya)
2. มีเรณู 8 ก้อน
2.1 ยอดเกสรตัวเมียเป็นแอ่งกลวงด้านหน้าเส้าเกสร จากโคนปากเล็กถึงแผ่นปากจะค่อยๆ ขยายแผ่ออก
2.1.1 ปากโอบรอบเส้าเกสร กลีบดอกชั้นนอกและชั้นในมีขอบที่ไม่เป็นคลื่น ได้แก่ สกุลลีเลีย (Laelia)
2.2.2 ปากไม่โอบหุ้มเส้าเกสร ขอบกลีบดอกชั้นนอกและชั้นในเป็นคลื่นอย่างชัดเจน ได้แก่ สกุลชอมเบอร์กเกีย (Schomburgkia)
2.2.3 โคนปากโอบรอบชิดเส้าเกสรแต่ส่วนปลายปากแผ่บานออก ได้แก่ สกุลบราสซาโวลา (Brassavola)
2.2 แอ่งเกสรตัวเมียโผล่ยื่นขึ้นออกมาเหนือปลายสุดของเส้าเกสรและแยกเป็น 2 แฉก ได้แก่ สกุลโซโฟรนิติส (Sophronitis) |
|
|
|
ได้มีการนำเอาแคทลีียาไปผสมพันธุ์กับกล้วยไม้ในกลุ่มเดียวกันนี้มากมาย เมื่อเป็นการผสมข้ามสกุลชื่อสกุลก็ย่อมต้องเปลี่ยนไป แต่ในวงการกล้วยไม้ยังคงเรียกว่า แคทลียา อยู่เหมือนเดิม แม้แต่การตัดสินการประกวดกล้วยไม้ก็ยังจัดกล้วยไม้เหล่านี้เป็นกลุ่มแคทลียา โดยอาจจะแบ่งเป็นประเภทแคทลียาดอกเล็กกับแคทลียาดอกใหญ่ หรืออาจแยกตัดสินตามสี เป็นต้น สำหรับผู้เริ่มเลี้ยงกล้วยไม้ หรือผู้สนใจทั่วไปอาจสังเกตจากป้ายชื่อกล้วยไม้ที่ติดอยู่โดยดูจากอักษรย่อชื่อสกุล ก็จะทราบว่าเป็นสกุลผสมระหว่างอะไรกับอะไร ดังตัวอย่างต่อไปนี้ |
|
|
ลูกผสมสองสกุลเฉพาะที่มีแคทลียาผสมอยู่ด้วย
- บลาสโซแคทเลยา Brassocattleya (Bc.) ลูกผสมระหว่าง Brassavola กับ Cattleya (B. x C.)
- แคทเลโทเนีย Cattleytonia (Ctna.) ลูกผสมระหว่าง Broughtonia กับ Cattleya (Bro. x C.)
- ไดอาแคทเลยา Diacattleya (Diaca.) ลูกผสมระหว่าง Diacrium กับ Cattleya (Diacm. x C.)
- อีีปิแคทเลยา Epicattleya (Epc.) ลูกผสมระหว่าง Epidendrum กับ Cattleya (Epi. x C.)
- ลีลิโอแคทเลยา Laeliocattleya (Lc.) ลูกผสมระหว่าง Laelia กับ Cattleya (L. x C.)
- ชอมโบแคทเลยา Schombocattleya (Smbc.) ลูกผสมระหว่าง Laelia กับ Cattleya (Schom. x C.)
- โซโฟแคทเลยา Sophrocattleya (Sc.) ลูกผสมระหว่าง Sophronitis กับ Cattleya (Soph. x C.)
|
|
|

Bc. Languedoc Singapore Welc
(Photo ref. from Internet) |
|

Diaca. Chantilly Lace Twinkl
(Photo ref. from Internet) |

Ctna. Brandi
(Photo ref. from Internet) |
|

Lc. Mini Purple
(Photo ref. from Internet) |
ลูกผสมสามสกุลเฉพาะที่มีแคทลียาผสมอยู่ด้วย
- ฮุกเกอรารา Hookerara (Hook.) ลูกผสมระหว่าง C. x B. x Diacm.
- วอจนารา Vaughnara (Vnra.) ลูกผสมระหว่าง C. x B. x Epi.
- บราสโซลีลิโอแคทเลยา Brassolaeliocattleya (Blc.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x L.
- ดิเค็นซารา Dekensara (Dek.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x Schom.
- รอล์ฟฟีรา Rolfeara (Rolf.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x Soph.
- ลีลิโอแคทโทเนีย Laeliocatonia (Lctna.) ลูกผสมระหว่าง Bro. x C. x L.
- ไดอาลีลิโอแคทเลยา Dialaeliocattleya (Dialc.) ลูกผสมระหว่าง C. x Diacm. x L.
- มิสซุทารา Mizutara (Miz.) ลูกผสมระหว่าง C. x Diacm. x Schom.
- อีปิลิลิโอแคทเลยา Epilaeliocattleya (Eplc.) ลูกผสมระหว่าง C. x Epi. x L.
- ลีโอนารา Lyonara (Lyon.) ลูกผสมระหว่าง C. x L. x Schom.
- โซโฟรลีลิีโอแคทเลยา Sophrolaeliocattleya (Slc.) ลูกผสมระหว่าง C. x L. x Soph.

Blc. Chia Lin |
|

Blc. Green wish |

Blc. Haad Yai Delight |
|

Blc. Pluenpis |

Blc. Lucky Strike |
|

Blc. King of Taiwan |

Blc. Mahina Yahiro |
|

Blc. Tubtim Sayam |
|
|
|

Lctna. Renate S&W
(Photo ref. from Internet) |
|

Slc. Little Fairy |
ลูกผสมสี่สกุลเฉพาะที่มีแคทลียาผสมอยู่ด้วย
- อิวานะการา Iwanagara (Iwan.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x Diacm. x L.
- ยะมะดารา Yamadara (Yam.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x Epi. x L.
- เร็คคารา Recchara (Recc.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x L. x Schom.
- โพทินารา Potinara (Pot.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x L. x Soph.
- เคิชอารา Kirchara (Kir.) ลูกผสมระหว่าง C. x Epi. x L. x Soph.
- เฮอเบิททารา Herbertara (Hbtr.) ลูกผสมระหว่าง C. x L. x Schom. x Soph.

Pot. Thiti Golden Crown
(Photo ref. from Internet) |
|

Pot. Edith North Danny Adams
(Photo ref. from Internet) |

Pot. Burana Beauty
(Photo ref. from Internet) |
ลูกผสมห้าสกุลเฉพาะที่มีแคทลียาผสมอยู่ด้วย
- รอธธารา Rothara (Roth.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x Epi. x L. x Soph.
- อิซุเมียรา Izumiara (Izma.) ลูกผสมระหว่าง C. x Epi. x L. x Schom. x Soph.
- คลาเคียรา Clarkeara (Clka.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x Diacm. x L. x Soph.
ลูกผสมหกสกุลเฉพาะที่มีแคทลียาผสมอยู่ด้วย
- มูเรียรา Mooreara (Mora.) ลูกผสมระหว่าง B. x Bro. x C. x L. x Schom. x Soph.
- จอนเยียรา Johnyeeara (Jya.) ลูกผสมระหว่าง B. x C. x Epi. x L. x Schom. x Soph. |
|
|
|
|
การปลูกเลี้ยงแคทลียา
แคทลียานั้นเลี้ยงไม่ยาก เพียงแต่เราจะต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับชนิดของกล้วยไม้นั้น ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานที่หรือโรงเรือนของตนเอง สำหรับวิธีการเลี้ยงแคทลียาโดยทั่วไป สิ่งที่ผู้ปลูกเลี้ยงจะต้องคำนึงถึง ได้แก่ |
|
|
- แสง
ไม่ควรปลูกแคทลียาให้โดนแสงแดดตรงๆ โดยเฉพาะแสงแดดในตอนเที่ยงหรือตอนบ่ายจะแรงมาก อาจทำให้กล้วยไม้เหี่ยว ใบเหลืองหรือใบไหม้ ควรพลางแสงให้ลดลงเหลือ 50 - 60 เปอร์เซ็นต์ และในแต่ละวันควรได้รับแสงแดดอย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง
- อุณหภูมิ
แคทลียาสามารถเลี้ยงได้ในอุณภูมิค่อนข้างกว้าง อุณหภูมิที่เหมาะสมของแคทลียาต่ำสุดอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน และอุณหภูมิ 24-29 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน สำหรับในบางวันที่มีอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียส แคทลียาก็สามารถอยู่ได้ถ้าในโรงเรือนหรือสถานที่ปลูกนั้นมีความชื้นสูงและมีอากาศหมุนเวียนตลอด อีกอย่างหนึ่งอุณหภูมิระหว่างกลางคืนและกลางวันไม่ควรแตกต่างกันมาก ซึ่งจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ แคทลียา้ขนาดเล็กหรือลูกไม้ันั้นความแตกต่างของอุณหภูมิตอนกลางวันกับกลางคืนควรอยู่ในช่วง 2-4 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเป็นต้นขนาดใหญ่จะสามารถปรับตัวได้ดีขึ้นสามารถทนการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าโดยอยู่ในช่วง 4-8 องศาเซลเซียส
- ความชื้นในอากาศ
ความชื้นในอากาศมีส่วนช่วยให้อุณหภูมิไม่สูงเกินไปและไม่ทำให้ต้นกล้วยไม้แห้งหรือเหี่ยว ความชื้นที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 50 - 60 เปอร์เซ็นต์ และควรมีการไหลเวียนของอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่เกิดการอับชื้น ซึ่งจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคตามมา เช่น เชื้อราแพร่ระบาด
- น้ำ
ปกติจะรดน้ำแคทลียาตอนช่วงเช้า รดน้ำให้ชุ่มโดยสังเกตจากเครื่องปลูก เครื่องปลูกที่ชุ่มจะอมน้ำอยู่ได้ 5 - 6 ชั่วโมง การให้น้ำแคทลียาดูความเหมาะสมและสภาพอากาศเป็นหลักถ้าวันใดอากาศร้อนและแห้งมากก็เพิ่มรดน้ำในช่วงเย็นได้ แต่ถ้าวันที่มีฝนตกหรือท้องฟ้ามีเมฆครึ้มก็อาจไม่ต้องรดน้ำก็ได้ การให้น้ำแคทลียาต้องคอยสังเกตให้ดีเพราะส่วนใหญ่แคทลียามักจะเน่าตายมากกว่าแห้งตาย
- ปุ๋ย
การให้ปุ๋ยเพื่อเร่งให้แคทลียาโตเร็วจะใช้ปุ๋ยสูตรตัวหน้าสูง เช่น 30-20-10 หรือใช้สูตรเสมอ เช่น 18-18-18, 21-21-21 โดยใช้แบบปุ๋ยเกร็ดละลายน้ำให้สัปดาห์ละครั้งหรือสองสัปดาห์ครั้ง |
|
|
|